ภูมิภาคเอเชียใต้

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนธันวาคม 2565

อินเดียเตรียมกำหนดมาตรฐานสินค้ายกระดับอุตสาหกรรมในประเทศ อินเดียอยู่ระหว่างทบทวนมาตรฐานสินค้า 50 รายการ พร้อมทั้งออกคำสั่งควบคุมคุณภาพสินค้า(Quality Control Orders: QCOs) ไม่ว่าจะเป็นการระงับการนำเข้า การห้ามผลิต การห้ามจัดเก็บและจำหน่ายสินค้าที่ไม่มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานของอินเดีย (Bureau of Indian Standards) หรือ BIS Mark โดยกลุ่มสินค้าที่จะกำหนดมาตรฐานก่อนในช่วงแรก ได้แก่ อลูมิเนียมและอลูมิเนียมผสม สลัก น็อต และสกรู แผงวงจรควบคุมพัดลมเพดาน อุปกรณ์ท่อร้อยสายไฟ ผลิตภัณฑ์ทองแดง ปั๊มสูบน้ำแบบมือโยกและส่วนประกอบ ถังสังกะสีและกระป๋อง เครื่องดับเพลิง เครื่องมือช่างและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง บานพับ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน เครื่องแก้ววิทยาศาสตร์สำหรับห้องปฏิบัติการ สายไฟในระบบพลังงานแสงอาทิตย์และสายทนไฟ ลวดเหล็ก เชือกไนลอน ลวดสลิงและตะแกรงเหล็กเสริมคอนกรีต ก๊อกน้ำและวาล์วน้ำ ลวดเชื่อม และขั้วไฟฟ้า ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียได้เคยออกมาตรการควบคุมมาตรฐานสินค้ามาก่อนแล้วกับสินค้ากลุ่มของเล่น อุปกรณ์และชิ้นส่วนจักรยาน เครื่องทำความเย็น และผลิตภัณฑ์จากเหล็กกล้า อย่างไรก็ดี การนำเข้าของอินเดียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้รัฐบาลมุ่งให้ความสำคัญกับการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าสำเร็จรูปเพื่อทดแทนการนำเข้าที่ไม่จำเป็น ซึ่งจะช่วยสร้างงานและรายได้ให้เกิดขึ้นภายในประเทศด้วย                           ข้อคิดเห็นของ สคต. ผู้ส่งออกไทยจำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวร่วมกับคู่ค้าในอินเดียเพื่อเตรียมปรับการผลิตสินค้าส่งออกให้สอดคล้องตามมาตรฐานสินค้าที่กำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานของอินเดีย …

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนธันวาคม 2565 Read More »

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนธันวาคม 2565

อินเดียเร่งกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัปในเมืองรอง ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา (ปี 2557 – 2565) จำนวนสตาร์ทอัปของอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 400 รายเป็น 70,000 ราย โดยรัฐบาลกำลังเร่งผลักดันมาตรการเชิงรุกเพื่อให้เกิดสตาร์ทอัปรายใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นในเมืองรองของประเทศ นอกเหนือจากเมืองใหญ่ที่มีสตาร์ทอัปกระจุกตัวอยู่มาก เช่น เมืองบังกาลอร์ นิวเดลี มุมไบ เจนไน ไฮเดอราบาด ปูเน่ เป็นต้น ล่าสุด รัฐเกรละ (Kerala) ได้จัดงานรวมตัวของสตาร์ทอัปและหน่วยงานสนับสนุนต่าง ๆ เพื่อดึงดูดผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนเพื่อขยายกิจการของสตาร์ทอัพอินเดีย นอกจากนี้ รัฐมัธยประเทศได้จัดตั้งเครือข่ายสตาร์ทอัป (Startup Conclave) และศูนย์ Start-up Centre เพื่อศึกษาโอกาสในตลาด ทดลองตลาดให้สินค้าต้นแบบ ให้คำปรึกษาเตรียมความพร้อมและประสานเชื่อมโยงกับตลาดและผู้ร่วมลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ตลอดจนออกมาตรการสนับสนุนสตาร์ทอัปด้านต่าง ๆ เช่น การอุดหนุนค่าจ้างพนักงานของสตาร์ทอัพ การอุดหนุนค่าเช่าสำนักงาน/โรงงาน การยกเว้นค่าใช้จ่าย จดทะเบียนต่าง ๆ รวมถึงช่วยเหลือด้านเงินทุนในระยะเริ่มต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการผลิตให้สามารถลดการพึ่งพาการนำเข้าได้                      ข้อคิดเห็นของ สคต.       ไทยสามารถนำแนวทางของอินเดียที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับการผลิตที่มีนวัตกรรมมา  ปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ เพื่อให้สามารถส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น …

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนธันวาคม 2565 Read More »

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนธันวาคม 2565

รัฐทมิฬนาฑูครองแชมป์จำนวนโรงงานอุตสาหกรรมมากที่สุดในอินเดีย รัฐทมิฬนาฑูทางตอนใต้สุดฝั่งตะวันออกของอินเดียจัดว่าเป็นรัฐที่มีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมมากที่สุดกว่า 38,000 โรงงาน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.7 ของโรงงานทั้งหมดในอินเดีย ตามด้วยรัฐคุชราต (ร้อยละ 11.5) รัฐมหาราษฏระ (ร้อยละ 10.3) รัฐอานธรประเทศ (ร้อยละ 6.8) และรัฐอุตตรประเทศ (ร้อยละ 6.5) ตามลำดับ ทั้งนี้ ภาคการผลิตของรัฐนี้คิดเป็น 1 ใน 3 ของ GDP ประกอบด้วยอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย ได้แก่ การผลิตรถยนต์ ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ การผลิตหนังและไม่ใช่หนัง รัฐทมิฬนาฑูตั้งเป้าหมายการลงทุนมูลค่า 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในอีก 8 ปีข้างหน้า โดยลดพึ่งพาการผลิตรถยนต์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ตั้งเป้าหมายการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูง เช่น การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แรงจูงใจสำคัญที่ควรพิจารณาเข้ามาลงทุนในรัฐทมิฬนาฑู ได้แก่ ขั้นตอนการดำเนินธุรกิจแบบเบ็ดเสร็จ (Single window Entry) พลังงานไฟฟ้ามีความเสถียร เงินทุนสนับสนุน นอกจากนี้ ยังมีความพร้อมเรื่องของระบบอัตโนมัติ …

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนธันวาคม 2565 Read More »

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนพฤศจิกายน 2565

อินเดียเร่งยกระดับอุตสาหกรรมรองเท้าขยายโอกาสสู่ตลาดโลก ตลาดรองเท้าของอินเดียมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าตลาด 23.73 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตถึง 27.84 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2570 ด้วยอัตราขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 6.77 ต่อปี ระหว่างปี 2565 – 2570 โดยรองเท้าหนังครองสัดส่วนมากที่สุดด้วยมูลค่าประมาณ 16.62 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดที่น่าจับตาคือรองเท้าสำหรับผู้หญิง ซึ่งเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 11 ต่อปี โดยผู้หญิงอินเดียนิยมรองเท้าแตะมากที่สุด ตามด้วยรองเท้าส้นสูง รองเท้าส้นเตี้ย รองเท้าลำลอง และรองเท้าสวมใส่ในบ้าน โดยราคายังเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าของชนชั้นกลาง   ในแง่การผลิต แม้ว่าอินเดียเป็นผู้ผลิตรองเท้าอันดับสองของโลกรองจากจีน แต่ครองสัดส่วนเพียง ร้อยละ 10 ในขณะที่จีนครองสัดส่วนถึงร้อยละ 54 ของตลาดโลก รัฐบาลอินเดียจึงพยายามเปิดตลาดรองเท้าและเครื่องหนังด้วยการเจรจา FTA กับหลายประเทศ เพื่อรองรับแนวโน้มความต้องการของตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ พร้อมทั้งออกมาตรการสนับสนุนการลงทุน และโครงการยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนังของประเทศ ในขณะเดียวกัน อินเดียเร่งสนับสนุนให้ภาคเอกชนพัฒนาการออกแบบรองเท้าให้สวมใส่สบายขึ้น และมีแบรนด์เป็นของอินเดียเอง     ข้อคิดเห็นของ สคต. ไทยมีโอกาสขยายการส่งออกรองเท้าเข้าสู่ตลาดอินเดีย โดยมีคู่แข่งสำคัญ อาทิ เวียดนาม จีน …

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนพฤศจิกายน 2565 Read More »

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนพฤศจิกายน 2565

อินเดียประกาศรายชื่อห้องแล็บคุมเข้มมาตรฐานอาหารนำเข้า องค์การมาตรฐานและความปลอดภัยทางอาหารแห่งอินเดีย (Food Safety and Standards Authority of India: FSSAI) ประกาศรายชื่อห้องปฏิบัติการภาคเอกชนที่ได้รับการรับรอง (National Reference Labs) ให้เป็นศูนย์บริการตรวจสอบ รวมทั้งพัฒนาขั้นตอนการตรวจสอบและระบบข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับมาตรฐานและความปลอดภัยทางอาหารประเภทต่าง ๆ โดยกระจายอยู่ในเมืองสำคัญที่เป็นแหล่งผลิต ส่งออกและนำเข้าอาหารนั้น ๆ โดยก่อนหน้านี้ FSSAI ได้กำหนดให้โรงงานผู้ผลิตอาหารต่างประเทศในสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์จากนมและเนื้อสัตว์ สัตว์น้ำแปรรูป อาหารเสริม และอาหารทารก ซึ่งจะส่งออกไปอินเดียต้องขึ้นทะเบียนกับ FSSAI ก่อนส่งออก โดยอาจมอบฉันทะให้ตัวแทนที่ได้รับมอบหมายไปดำเนินการแทนได้ ข้อคิดเห็นของ สคต. อินเดียตั้งเป้าเป็นโรงงานผลิตอาหารป้อนตลาดโลก (Global Food Factory) จึงมีแนวโน้มกำกับดูแลสินค้านำเข้าด้วยความเข้มงวดมากขึ้น ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยจึงต้องประสานกับคู่ค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของกฎระเบียบล่าสุด เพื่อวางแผนปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ล่วงหน้าให้ทันต่อการประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามระเบียบและข้อบังคับใหม่ ๆ เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์และฉลากสินค้าด้วย เช่น FSSAI ได้ออกกฎระเบียบระบุให้แยกความแตกต่างของฉลากอาหารวีแกนกับอาหารประเภทอื่น ๆ ได้อย่างชัดเจน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2566 …

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนพฤศจิกายน 2565 Read More »

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองเจนไน เดือนพฤศจิกายน 2565

ตลาดน้ำผึ้งอินเดียเติบโตสูงมากตามกระแสลดน้ำตาลเพื่อสุขภาพ ปัจจุบันอินเดียผลิตน้ำผึ้งได้ประมาณ 133,200 เมตริกตันต่อปี โดยอุตสาหกรรมน้ำผึ้งของอินเดียกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยมูลค่าตลาด 368 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อปีระหว่างปี 2565 – 2570 น้ำผึ้งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมนูอาหารและเครื่องดื่มในฐานะอาหารเพื่อสุขภาพและสารทดแทนน้ำตาล รวมถึงนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เพื่อความงามด้วย ในแง่การส่งออก อินเดียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำผึ้งรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามากที่สุด อย่างไรก็ดี ความท้าทายของอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งของอินเดียมาจากการผลิตที่กระจัดกระจาย การเชื่อมต่อระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงการเก็บข้อมูลยังไม่เป็นระบบ การขาดความรู้ด้านเทคนิคความเชื่อมโยงของตลาดและการสนับสนุนทางการเงิน โรคระบาดในหมู่ผึ้ง เป็นต้น ข้อคิดเห็นของ สคต. การเพิ่มขึ้นของโรคไม่ติดต่อต่าง ๆ ในชาวอินเดีย เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง และความต้องการที่เพิ่มขึ้นสําหรับผลิตภัณฑ์ส่งเสริมภูมิคุ้มกันและบํารุงสุขภาพ เป็นหนึ่งในปัจจัยสําคัญที่มีอิทธิพลเชิงบวกต่อตลาดน้ำผึ้งในอินเดีย แม้ว่าตลาดน้ำผึ้งและผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งในอินเดียยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก โดยอินเดียมีโอกาสที่จะเป็น ‘เมืองหลวงแห่งน้ำผึ้ง’ ของโลกในอนาคต ทั้งนี้   อินเดียนําเข้าน้ำผึ้งธรรมชาติไม่มากนัก ประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยระหว่างมกราคม-สิงหาคม 2565 อินเดียนําเข้าน้ำผึ้งมูลค่า 2.63 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยนําเข้าสูงสุด 5 อันดับแรกจากสเปน บังคลาเทศ …

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองเจนไน เดือนพฤศจิกายน 2565 Read More »

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองเจนไน เดือนพฤศจิกายน 2565

อินเดียขยายเวลาจำกัดส่งออกน้ำตาลถึงตุลาคม 2566     อินเดียขยายเวลาจํากัดการส่งออกน้ำตาลออกไปอีก 1 ปีจนถึงตุลาคม 2566 หลังจากที่จํากัดการส่งออกตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 31 ตุลาคม 2565 โดยจำกัดการส่งออกอยู่ที่ 11.2 ล้านตัน เพื่อรักษาระดับสต็อกและควบคุมระดับราคาน้ำตาลในประเทศไม่ให้พุ่งสูงขึ้นภายหลังอินเดียส่งออกน้ำตาลสูงเป็นประวัติการณ์ โดยก่อนหน้านี้ อินเดียได้จำกัดการส่งออกข้าวสาลี เพื่อรับมือกับวิกฤติอาหารและราคาอาหารในประเทศ มีแนวโน้มสูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ การบริโภคน้ำตาลในประเทศของอินเดียอยู่ที่ประมาณ 27.5 ล้านตัน และโรงงานต่าง ๆ ใช้น้ำตาลประมาณ 4.5 ล้านตันสําหรับการผลิตเอทานอล ข้อคิดเห็นของ สคต.                 อินเดียเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับ 2 ของโลกรองจากบราซิล โดยในปี 2563 – 2564 อินเดียส่งออกน้ำตาลทรายดิบ 7.2 ล้านตัน โดยมีบังคลาเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และดูไบเป็นคู่ค้าสําคัญ การจํากัดการส่งออกน้ำตาลของอินเดียน่าจะช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออกน้ำตาลของไทยไปยังประเทศต่าง ๆ ทดแทนการส่งออกจากอินเดียได้

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนพฤศจิกายน 2565

ค้าปลีกยักษ์ใหญ่เข้าชิงชัยตลาดเครื่องดื่มอินเดีย                 บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของอินเดีย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท Reliance Retail Limited และบริษัท Tata Consumer Products Limited เตรียมก้าวเข้าสู่ธุรกิจเครื่องดื่มอย่างเต็มตัว เพื่อขยายตลาดในเมืองรองและชนบท  ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในช่วงโควิด-19 ในขณะที่คาดว่าผลผลิตทางการเกษตรจะได้ผลดีในปีนี้ ส่งผลให้การจำหน่ายสินค้าในชนบทขยายตัวอย่างชัดเจนตามไปด้วย โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กและราคาไม่แพงมาก นอกจากนี้ ช่องทางการขายผ่านระบบออนไลน์ ในปัจจุบันจะช่วยให้การติดต่อค้าขายและการกระจายสินค้าผ่านร้านค้าปลีกรายเล็กและรายย่อย (MSMEs) ในระดับท้องถิ่นทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของผู้ค้าปลีกรายใหญ่ทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวอาจกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงนักลงทุนต่างชาติไม่มากก็น้อย       ข้อคิดเห็นของ สคต.                 สินค้าเครื่องดื่มมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 8 – 9 ของมูลค่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในอินเดีย  ซึ่งที่ผ่านมาถูกครอบครองตลาดโดยสินค้าแบรนด์จากต่างชาติเป็นหลัก มีการคาดการณ์ว่าตลาดเครื่องดื่มอินเดียจะเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ต่อปีจากประชากรวัยรุ่นและวัยเริ่มต้นทำงาน โดยเครื่องดื่มชาและกาแฟ มีสัดส่วนตลาดมากที่สุด ตามด้วยเครื่องดื่มผสมผลไม้ และเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ไม่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ ทั้งนี้  รัฐทางใต้และตะวันตกจะมีการบริโภคต่อหัวมากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ โดยภาคตะวันตกนิยมบริโภคชาและน้ำผลไม้ท้องถิ่น ในขณะที่ภาคใต้จะเปิดรับกาแฟและเครื่องดื่มทั้งที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์มากกว่าภาคอื่น …

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนพฤศจิกายน 2565 Read More »

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนตุลาคม 2565

ศรีลังกาปรับขึ้นภาษีเงินได้ บีบนักธุรกิจบินออกนอกประเทศ ศรีลังกาประกาศมาตรการล่าสุดปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล จากเดิมร้อยละ 24 เป็นร้อยละ 30 และปรับลดฐานรายได้ขั้นต่ำบุคคลธรรมดาที่ไม่ต้องชำระภาษีหรือยกเว้นภาษีให้ (Tax Free Threshold) จากเดิม 3 ล้านรูปีต่อปี ลดลงเหลือ 1.2 ล้านรูปีต่อปี โดยจะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ถึง   ร้อยละ 36 ทั้งนี้ การปรับขึ้นภาษีดังกล่าวนับเป็นการยกเลิกนโยบายลดภาษีของอดีตประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ซึ่งบังคับใช้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้วิกฤติเศรษฐกิจของศรีลังการุนแรงขึ้นด้วย โดยการเสนอปรับขึ้นภาษีในครั้งนี้อาจบังคับให้นักธุรกิจนักลงทุนเดินทางออกนอกประเทศ เนื่องจากเป็นการกีดกันการสร้างรายได้เพิ่มและขยายธุรกิจ ลดแรงจูงใจสําหรับการลงทุนและการสร้างงานในประเทศ ข้อคิดเห็นของ สคต. การเสนอปรับขึ้นอัตราภาษี โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่ศรีลังกากำลังประสบกับภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน และรายได้หลังหักภาษี (disposable income) ของครอบครัวชนชั้นกลาง ทำให้ต้องปรับรูปแบบการบริโภคให้เหมาะสมกับรายได้ที่หดตัวลง และอาจสร้างปัญหาในการชําระหนี้ส่วนบุคคลด้วย โดยคาดการณ์ว่ามาตรการสร้างรายได้ของรัฐบาลจะทําให้การเติบโตของรายได้ลดลงและส่งผลเสียต่อประเทศในระยะกลางถึงระยะยาว  

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนตุลาคม 2565

อินเดียเตรียมยกระดับการค้าและการผลิตเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมใหม่ ภาครัฐและเอกชนของอินเดียเร่งปรับตัวเพื่อเตรียมรับโอกาสและความท้าทายจากการค้ารูปแบบใหม่ที่อยู่ในโลกเสมือนจริง หรือเมตาเวิร์ส (Metaverse) โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2026 ประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรโลก หรือ 1.5 พันล้านคนจะใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมงอยู่ในโลกของเมตาเวิร์ส    ในขณะเดียวกัน อินเดียกำลังเร่งพัฒนาสภาพแวดล้อมด้านการผลิตให้เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมเชิงพาณิชย์ โดยในปี 2565 อินเดียได้รับการประเมินจากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization) อันดับที่ 40 ของดัชนีด้านนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index) จากอันดับที่ 81 ในปี 2558 จากการที่สามารถยกระดับการพัฒนาทักษะแรงงานให้พร้อมรับการผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น และการสร้างสตาร์ทอัปสาขาต่าง ๆ รวมทั้งการระดมทุนและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมพร้อม ๆ กับการถ่ายทอดเทคโนโลยีสมัยใหม่ ข้อคิดเห็นของ สคต. ความเคลื่อนไหวของอินเดียสะท้อนว่า ธุรกิจการค้าและการส่งออกจะต้องปรับตัวให้เข้ากับ เมตาเวิร์ส โดยผู้ประกอบการสินค้าและธุรกิจบริการต่าง ๆ อาจเข้าไปซื้อพื้นที่เพื่อสร้างโชว์รูมแบบสามมิติบนแพลตฟอร์มของเมตาเวิร์ส  ตลอดจนการจัดงานพบปะสังสรรค์ของคนในแวดวงและวัยต่าง ๆ เพื่อทดลองเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากช่องทางการค้าระหว่างประเทศสมัยใหม่ ในส่วนของภาครัฐ นอกจากการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการแล้ว ควรมีมาตรการอำนวยความสะดวกและกำกับดูแลสำหรับการค้าผ่านเมตาเวิร์สด้วย นอกจากนี้ ไทยอาจเรียนรู้จากประสบการณ์ของอินเดียในการดึงดูดการลงทุนเพื่อยกระดับการผลิตของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ …

รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐอินเดีย ณ เมืองมุมไบ เดือนตุลาคม 2565 Read More »

OMD KM

FREE
VIEW