ฮังการี เผย GDP ไตรมาส 2 ปี 64 โต 17.9% ได้อานิสงส์จากการส่งออกและการใช้จ่ายภายในประเทศ
สำนักงานสถิติแห่งชาติฮังการีเปิดเผยว่า เศรษฐกิจฮังการีไตรมาสที่ 2 ปี 64 ขยายตัว 17.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า 2.7% โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น 9.9% และการส่งออกที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ตามทิศทางเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ด้าน GDP ช่วงครึ่งปีแรกของปี 64 ขยายตัว 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้า
ด้านการค้าระหว่างประเทศ ไตรมาสที่ 2/2564 มูลค่าการส่งออกสินค้าของฮังการี อยู่ที่ 2.98 หมื่นล้าน ยูโร (ประมาณ 1.16 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าของฮังการี คิดเป็น 2.88 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 1.12 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 41.34% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า สรุปฮังการีได้ดุลการค้ารวม 1.022 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.98 หมื่นล้านบาท) ขยายตัว 168.9% ตามปัจจัยฐานต่ำเมื่อปีที่แล้ว
เมื่อพิจารณาแต่ละภาคส่วนเศรษฐกิจ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 36.9% โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing) เพิ่มขึ้น 39.9% สินค้าขับเคลื่อนสำคัญ ได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ด้านการค้าบริการ รายได้จากภาคบริการประจำไตรมาสที่ 2/2564 อยู่ที่ 1.571 พันล้านยูโร เป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้ผู้บริโภคออกไปสังสรรค์นอกบ้านและเดินทางไปท่องเที่ยวต่างท้องถิ่นในช่วงฤดูร้อนมากขึ้น เห็นได้จาก GDP หมวดที่พักแรมและบริการด้านอาหาร เพิ่มสูงขึ้น 71.5% เปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามด้วยธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง ที่เติบโต 16.9%
ด้านการค้าระหว่างประเทศ ช่วงครึ่งปีแรก 2564
มูลค่าการส่งออกของฮังการี อยู่ที่ 5.96 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 2.34 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่นำเข้าสินค้า คิดเป็นมูลค่า 5.59 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ2.19 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า สรุปฮังการีได้ดุลการค้ารวม 3.67 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.45 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น75.23%
เมื่อพิจารณาจากประเทศคู่ค้า ช่วงครึ่งปีแรก 2564 ฮังการีส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (EU-27) ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของฮังการี คิดเป็นมูลค่า 4.62 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท) ขยายตัว 21.9% จากช่วงเดียวกันของจากปีก่อน และนำเข้าสินค้าจาก EU คิดเป็นมูลค่า 4.03 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 1.57 ล้านล้านบาท) เพิ่มสูงขึ้น 21.9% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า
โดยรวมฮังการียังได้ดุลการค้ากับ EU อยู่ที่ 5.872 พันล้านยูโร (ประมาณ 2.29 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 21.93%
นอกจากนี้ ฮังการียังส่งออกสินค้าไปยังประเทศคู่ค้านอก EU มากขึ้น คิดเป็นมูลค่า 1.34 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 5.217 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 21.02% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยนำเข้าสินค้าจากประเทศนอก EU 1.56 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 6 แสนล้านบาท) มากขึ้น 13.1%
ข้อคิดเห็น/บทวิเคราะห์
รายงานเศรษฐกิจดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจฮังการีกำลังเริ่มฟื้นตัว สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป เป็นผลจากความสำเร็จของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการรับเงินจัดสรรงบประมาณจากสหภาพยุโรปควบคู่กับการประกาศใช้มาตรการควบคุมโรคระบาด และจัดการฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ
ฮังการีและไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีต่อกัน ระหว่างเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2564 ฮังการีเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยอันดับที่ 53 โดยไทยส่งออกสินค้าไปยังฮังการีเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 9.122 พันล้านบาท และนำเข้าสินค้าจากฮังการี 3.823 พันล้านบาท
สินค้าส่งออกหลักของไทยไปฮังการี 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ เครื่องคอมพิวเตอร์ แผงสวิตช์ หม้อแปลงไฟฟ้า และวงจรพิมพ์ คิดเป็นอัตราส่วนต่อการส่งออกสินค้าทั้งหมด คิดเป็น 59.13%
ด้านสินค้าเกษตรกรรม การส่งออกยาง และสินค้าที่ทำจากยาง จากไทยไปฮังการีมีสัดส่วนต่อการส่งออกทั้งหมดอยู่ที่ 7.89% ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21กันยายน 2564 ในช่วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 76 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้มีการพบปะหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยและฮังการี เพื่อส่งเสริมการส่งออกยางพาราจากไทย เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ในฮังการี เนื่องจากฮังการีเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคยุโรปกลางและตะวันออก ฮังการีจึงสามารถเป็นพันธมิตรทางการค้าในหลายหมวดสินค้าที่มีศักยภาพสูงในสหภาพยุโรปสำหรับไทย
ที่มาของข้อมูล: Hungarian Central Statistical Office (KSH)
