รายงานสถานการณ์การค้าสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ นครคุนหมิง เดือนธันวาคม 2565

ส่องเทรนด์ตลาดจีน ปี 2565

       6 เทรนด์ เศรษฐกิจใหม่ของตลาดจีน ในปี 2565 ประกอบด้วย

  1. เศรษฐกิจเกี่ยวกับการนอน (Sleep Economy) คือ เศรษฐกิจที่เกิดจากความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีคุณภาพในการนอนไม่ดีหรือนอนไม่หลับ จากข้อมูล iiMedia เผยว่า ในปี 2559 – 2564 ขนาดตลาดของ Sleep Economy ในจีนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 261,630 ล้านหยวน เป็น 417,320 ล้านหยวน และในปี 2559 -2563 จำนวนผู้ที่นอนไม่หลับเพิ่มขึ้นจาก 250 ล้านคน เป็น 270 ล้านคน โดยคาดว่าผู้ที่นอนไม่หลับจะเพิ่มขึ้นเป็น 290 ล้านคน ในปี 2565 ทั้งนี้ พบว่าคนจีนที่มีอายุระหว่าง 18 – 24 ปี และอายุระหว่าง 25-34 ปี เป็นกลุ่มคนที่ชอบนอนดึก ซึ่งคนหนุ่มสาวชาวจีนบางส่วนนอนดึกเพราะความกดดันเรื่องงาน และ การเรียน อีกส่วนหนึ่งสมัครใจอดนอนเพื่อผ่อนคลายความเครียด ทำให้ตลาดจีนมีความต้องการสินค้าที่เกี่ยวกับการนอนเพิ่มขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ช่วยนอนหลับ อาหารเสริม เยลลี่นอนหลับ ของใช้บนเตียง หมอนยางพารา ที่อุดหูผ้าปิดตา เป็นต้น
  2. เศรษฐกิจเกี่ยวกับคนอ้วน เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ดี และการออกกำลังกายน้อยลงของชาวจีน ทำให้จำนวนคนอ้วน และผู้ที่มีน้ำหนักเกินในจีนสูงขึ้นและคาดว่าในปี 2565 จะมีจำนวนสูงถึง 265 ล้านคน จากจำนวนของคนอ้วนที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมการลดน้ำหนักในจีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2564 ขนาดของอุตสาหกรรมลดน้ำหนักมีมูลค่า 443,470 ล้านหยวน และคาดว่าในปี 2565 จะมีมูลค่าสูงถึง 498,640 ล้านหยวน โดยสินค้า และบริการที่เกี่ยวกับการลดความอ้วนที่ชาวจีนมีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่น ยาลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ชาลดน้ำหนัก องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนัก เป็นต้น
  3. เศรษฐกิจคนโสด จากข้อมูลกระทรวงกิจการพลเรือนจีนเผยว่า ในปี 2561 ประชากรคนโสดของจีนรวมทั้งสิ้น 240 ล้านคน โดยมีผู้บรรลุนิติภาวะที่พักอาศัยคนเดียวมากกว่า 77 ล้านคน และคาดว่าในปี 2565 จะมีคนโสดมากกว่า 300 ล้านคน และจะมีผู้ที่พักอาศัยคนเดียวประมาณ 100 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคชาวจีนที่อาศัยอยู่คนเดียวมีความต้องการบริการ และผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวข้องตามมา เช่น ธุรกิจสัตว์เลี้ยง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอัจฉริยะ ผลิตภัณฑ์เสมือนจริง และอาหารสำเร็จรูป เป็นต้น
  4. เศรษฐกิจแคมปิง กลายเป็นวิถีการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ของชาวจีนที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูง ปัจจุบันอุตสาหกรรมแคมปิงของจีนได้เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้น และหลากหลายมากขึ้น โดยในปี 2564 ขนาดตลาดแคมปิงของจีนมีมูลค่า 74,750 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 62.5 และคาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 248,320 ล้านหยวน ปัจจุบันผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่มีการกักตัวอยู่ที่บ้าน และการเดินทางไปท่องเที่ยวข้ามมณฑลมีความยากลำบากจากมาตรการการควบคุม และป้องกันโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความต้องการท่องเที่ยวแบบกลุ่มมาก โดยผู้บริโภคชาวจีนที่นิยมออกไปท่องเที่ยวสไตล์แคมปิงมักเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 20 – 40 ปี จึงนับได้ว่าธุรกิจแคมปิงเป็นจุดเติบโตใหม่ในจีนที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
  5. เศรษฐกิจการใช้จ่ายและการบริโภคภายในบ้าน ผลจากการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด 19 ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนต้องเปลี่ยนไป เช่น องค์กรปรับนโยบายการทำงานให้เป็นรูปแบบ Hybrid หรือ Work From Home ทำให้หลายคนเลือกอยู่บ้านมากขึ้น ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และกิจกรรมงานอดิเรก หรือความบันเทิงต่าง ๆ ทำให้ภาคธุรกิจของจีนได้มองหาแนวทางใหม่ ๆ ที่จะปรับทั้งรูปแบบการทำงาน และกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดรับกับวิถีที่เปลี่ยนไปนี้ด้วย ในปี 2565 ตลาดจีนเกิดอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนโดย “Stay at Home Economy” รวมมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านหยวน เช่น เครื่องปรุงอาหารสำหรับคนขี้เกียจ อาหารสำเร็จรูป อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง เศรษฐกิจแบบทานอาหารคนเดียว และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอัจฉริยะ เป็นต้น โดยผู้บริโภคชาวจีนที่ชอบอยู่กับบ้าน เพศชายคิดเป็นร้อยละ 57 และเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 43 หากพิจารณาตามช่วงอายุ พบว่า อายุ 18-24 ปี คิดเป็นร้อยละ 63 มีระดับการบริโภคในระดับปานกลาง ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคในช่วงอายุ 25-34 คิดเป็นร้อยละ 32 มีระดับการบริโภคค่อนข้างสูง
  6. เศรษฐกิจการ Live Streaming ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พฤติกรรมการบริโภคออนไลน์ชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการ Live Streaming ได้กลายเป็นวิธีการชอปปิงที่เกิดขึ้นมาใหม่ และได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง จาก “รายงานสถิติเกี่ยวกับการพัฒนาอินเทอร์เน็ตในครั้งที่ 48” ในช่วงเดือนมกราคม –เดือนมิถุนายน 2565 บัญชีผู้ใช้บริการการ Live Streaming ในจีนรวม 469 ล้านบัญชีเพิ่มขึ้น 204 ล้านบัญชี เมื่อเทียบช่วงเดียวกันจากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนร้อยละ 44.6 โดยผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตเกือบร้อยละ 95.5 นิยมซื้อสินค้าผ่านการ Live Streaming จากข้อมูลแสดงได้เห็นว่าขนาดตลาดการ Live Streaming ในจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2564 มูลค่าตลาดการ Live Streaming ในจีนรวม 2.35 ล้านล้านหยวน และคาดว่าในปี 2565 จะมีมูลค่าสูงถึง  3 ล้านล้านหยวน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6)

ข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นของ สคต.

      เทรนด์ตลาด และพฤติกรรมของผู้บริโภคในจีนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้เกิดกระแส “เศรษฐกิจใหม่ ๆ” เช่น เศรษฐกิจเกี่ยวกับการนอน (Sleep Economy) เศรษฐกิจเกี่ยวกับคนอ้วน เศรษฐกิจคนโสด เศรษฐกิจแคมปิง เศรษฐกิจการใช้จ่าย และการบริโภคภายในบ้าน (Stay at Home Economy) และเศรษฐกิจการ Live Streaming เป็นต้น ซึ่งเทรนด์ตลาดดังกล่าวได้นำมาสู่การเกิดใหม่นวัตกรรมใหม่ของสินค้าในตลาดจีน

      อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจากแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ได้แข่งขันแค่กับคู่แข่งทางธุรกิจเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังต้องแข่งกับกระแสความเปลี่ยนแปลงที่กดดันทำให้ธุรกิจ  ต้องปรับมุมมอง และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อตามให้ทันไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวจีนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการไทยจะต้องศึกษา และจับตามองแนวโน้มตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อผลิตสินค้าใหม่ ๆ ให้ทันกับความต้องการตลาดตลอดจนคิดค้นพัฒนาความแปลกใหม่ของสินค้า เพื่อสร้างจุดขายให้แตกต่างกับคู่แข่ง รวมทั้งกำหนดราคา คุณภาพ สร้างความปลอดภัย และความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะทำให้สินค้าแบรนด์ไทยทยอยเข้ามาครองตลาด และครองใจผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างยั่งยืน

OMD KM

FREE
VIEW