รายงานสถานการณ์การค้า อาร์เจนตินา ณ กรุงบัวโนสไอเรส เดือนพฤศจิกายน 2564

ตลาดถุงมือยางในอาร์เจนตินา

ภาพรวมเศรษฐกิจอาร์เจนตินา

ข้อมูลอาร์เจนตินา
ประชากร :
42.4 ล้านคน
จีดีพี (PPP) : 915.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ 22,537 เหรียญสหรัฐฯต่อหัว
อัตราเงินเฟ้อ(CPI) : 36.1%
FDI Inflow : 12.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของอาร์เจนตินาในปี 2564 โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกของปี  (มกราคม – มิถุนายน 2564) มีการปรับฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากที่ภาวะทางเศรษฐกิจอาร์เจนตินาประสบกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดปี 2563 และส่งผลกระทบเชิงลบต่ออุตสาหกรรมและการบริโภคโดยรวมในอาร์เจนตินา ตลอดจนยังส่งผลกระทบเกือบทุกห่วงโซ่ของภาคการผลิตอีกด้วย ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และมาตรการกักตัวสำหรับทุกคน (Total Quarantine) ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในปี 2563 บวกกับปัญหาภาวะเงินเฟ้อตั้งแต่รัฐบาลชุดประธานาธิบดี นาย Mauricio Macri จนถึงปัจจุบันที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ซึ่งธนาคารโลก (IMF) ประเมินว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของอาร์เจนตินาจะทรุดตัวลงอีกประมาณร้อยละ 10.6 ของ GDP โดยอาร์เจนตินาเป็นหนึ่งในประเทศที่ GDP ตกต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และอัตราการว่างงาน ณ ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 13.1

จากสถิติยอดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ลดลง รัฐบาลอาร์เจนตินาตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการกักตัวสำหรับทุกคน (Total Quarantine) ทำให้การบริโภคและการลงทุนฟื้นตัว และเติบโตขึ้นในปี 2564 ทั้งนี้ การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ส.ว. และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. ในเดือนพฤศจิกายน 2564 จะอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้นจากการใช้นโยบายเชิงประชานิยมในการหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี สาเหตุที่ทำให้ GDP อาร์เจนตินาในปี 2563 ลดลง อันเนื่องจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ อาทิ ภาวะเงินเฟ้อสะสม การขาดสินเชื่อจากภายนอก และการจำกัดเงินเหรียญสหรัฐฯ ที่เข้ามาในประเทศ จะยังคงส่งผลกระทบมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ภายในประเทศและแม้แต่ในภูมิภาคลาตินอเมริกาก็การปรับตัวดีมากขึ้นในขณะนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ธนาคารโลกปรับคาดการณ์อัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2564 อยู่ที่ร้อยละ 7.5 ในขณะเดียวกันคาดการณ์อัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาร์เจนตินาในปี 2564 จะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 7.5 นับเป็นอัตราการเติบโตเชิงบวกครั้งแรกในรอบสี่ปี โดยมาตรการกักตัวสำหรับทุกคน (Total Quarantine) สนับสนุนการบริโภคของภาคเอกชนในปี 2564  ในขณะที่การบริโภคชะลอตัว ดังนั้นคาดว่าการเติบโตของ GDP อาร์เจนตินาในปี 2565 จะเติบโตอยู่ที่ 2.6 และในปี 2566 จะเติบโตอยู่ที่ 2.1 นอกเหนือจากนี้การบริหารงานของประธานาธิบดี Alberto Fernandez มีนโยบายที่มุ่งเน้นการขยายเศรษฐกิจด้านสินค้าอุตสาหกรรมและป้องกันสินค้าอุตสาหกรรมของประเทศ อีกทั้งกระทรวงพัฒนาการผลิตวางแผนที่จะตรวจสอบและป้องกันภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านใบอนุญาตที่ไม่อัตโนมัติ (Non-Automatic Licenses:LNA) ซึ่งหมายถึงต้องขอใบอนุญาตก่อนนำเข้า โดยกระทรวงฯ ขยายรายชื่อสินค้าที่ต้องขอใบอนุญาตนำเข้าเพิ่มเติม เนื่องจากนโยบายดังกล่าวถูกยกเลิกในช่วงการบริหารงานของอดีตประธานาธิบดี นาย Mauricio Macri อย่างไรก็ดี การขยายขยายรายชื่อสินค้าที่ต้องขอใบอนุญาตนำเข้าเพิ่มเติมมีวัตถุประสงค์ในการหลีกเลี่ยงการแข่งขันจากภายนอกทั้งทาง

ด้านราคาและข้อบังคับด้านคุณภาพของสินค้าซึ่งจะส่งผลให้สามารถควบคุมการนำเข้าได้มากขึ้น และเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมและการจ้างงานในประเทศอีกด้วย เหตุผลข้างต้นทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจำนวนมากอยู่ในช่วงของการปรับตัว เนื่องจากนโยบายการขอใบอนุญาตก่อนนำเข้า (Non-Automatic Licenses:LNA) ของรัฐบาลทำให้เกิดปัญหาในการนำเข้าผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ส่งผลให้บริษัทผู้นำเข้าต่างๆ มุ่งเน้นไปที่การป้อนปัจจัยในการผลิตและชิ้นส่วนเพื่อพัฒนาการผลิตในประเทศ โดยรัฐบาลสนับสนุนการผลิตผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นผ่านการจำกัดการนำเข้าเพื่อเพิ่มการประกอบสินค้าในประเทศมากขึ้น เป็นวิธีหนึ่งที่รัฐบาลต้องการรักษาระดับการจ้างงานและเพิ่มมูลค่ากิจกรรมทางอุตสาหกรรมของอาร์เจนตินา เช่น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ และเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่สามารถผลิตเองได้ในประเทศ แต่บริษัทต่าง ๆ ยังต้องพึ่งส่วนประกอบและชิ้นส่วนจากต่างประเทศเพื่อการผลิต เนื่องจากปัจจัยการผลิตและชิ้นส่วนไม่สามารถผลิตในประเทศได้ในระยะสั้น และอาร์เจนตินาจะยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าเพื่อคงสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรักษากิจกรรมของอุตสาหกรรม

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีการกำหนดข้อจำกัดในการชำระเงิน ล่วงหน้าสำหรับสินค้านำเข้า เพื่อลดการไหลออกของสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ก่อให้เกิดการร้องเรียนจากภาคส่วนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับข้อจำกัดการนำเข้าของรัฐบาลเพิ่มขึ้นทวีคูณ และในที่สุดรัฐบาลก็ผ่อนปรนมาตรการในการชำระเงินค่านำเข้าล่วงหน้าสำหรับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ หลังจากที่รัฐบาลได้รับฟังความต้องการของหอกการค้าอาร์เจนตินาที่ แม้ว่าจะมีอุปสรรคในการนำเข้าผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย (Finished Product) แต่รัฐบาลพยายามที่จะลดผลกระทบต่อการซื้อปัจจัยการผลิตให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่ออุตสาหกรรมในประเทศ ซึ่งอุตสาหกรรมจำนวนมากประสบปัญหาในการนำเข้าวัสดุเพื่อการผลิต จึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลผ่อนปรนมาตรการนำเข้า

ทิศทางเศรษฐกิจอาร์เจนตินาในปี 2565 ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองหนี้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ภายหลังจากการเจรจาต่อรองหนี้ต่างประเทศและกับเจ้าหนี้เอกชนต่างประเทศในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ละเอียดอ่อนของอาร์เจนตินาได้คลี่คลายลงเมื่อมีการประกาศข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ระหว่างประเทศกับเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นกู้จากผลการเจรจากันเมื่อปี 2563 นับเป็นข่าวดีสำหรับอาร์เจนตินาที่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาการชำระหนี้หลายส่วนและเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับนานาชาติ เศรษฐกิจในท้องถิ่นโดยรวมขึ้นอยู่กับการเจรจาเหล่านี้และเป็นการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ในปีต่อ ๆ ไป อย่างไรก็ตามประเทศต้องให้ความสำคัญในการเจรจาต่อรองหนี้กับ IMF ซึ่งมีความเกี่ยวข้องสำคัญอย่างมากกับอนาคตของเศรษฐกิจของประเทศและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วงปี 2564 และปีต่อ ๆ ไป

ภาพรวมทางการค้าและอุตสาหกรรมของอาร์เจนตินา

กิจกรรมทางอุตสาหกรรมของอาร์เจนตินา ในปี 2564 เกือบจะปิดตัวลงหลังจากที่ประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปี แต่ด้วยการฟื้นตัวของกิจกรรมการผลิตทำให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ถึงแม้กิจกรรมทางอุตสาหกรรมในปี 2564 จะมีแนวโน้มที่ดีกว่าในปี 2563 แต่บริบทเศรษฐกิจมหภาคก็ยังมีปัจจัยอีกหลายประการที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนสูงได้ในอนาคต โดยในช่วงปี 2563 กิจกรรมอุตสาหกรรมสะสมลดลง 8.6 เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งในขณะนี้กิจกรรมทางอุตสาหกรรมกำลังเติบโตอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ13 และยังคงสูงกว่าระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

อนึ่ง สหภาพอุตสาหกรรมอาร์เจนตินารายงานถึงดัชนีการผลิตทางอุตสาหกรรม จำนวน 12 ภาคส่วน โดยมี 8 ภาคส่วนที่ยังคงมีอัตรการผลิตที่เพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าคงทน (Durable Goods) ได้แก่ ยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 อิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.6 แร่อโลหะ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 เคมีภัณฑ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 ยางและพลาสติก เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4  ยาสูบ อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 งานโลหะ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3 กระดาษ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 และอีก 4 ภาคส่วนที่มีการผลิตลดลง ได้แก่ การตีพิมพ์และการพิมพ์ โลหะพื้นฐาน การกลั่นปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์สิ่งทอ เป็นต้น

ทั้งนี้จากการประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อาร์เจนตินาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการบริโภคสินค้าน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับทั่วโลกเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 14.7 เท่านั้น ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับท้ายๆ ของโลก รองลงมาจากประเทศซูดาน เติร์กเมนิสถาน คิวบา และบราซิล อีกทั้งปัจจุบันรัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อควบคุมการนำเข้าเพิ่มเติมอีกด้วย

ตลาดถุงมือยางในอาร์เจนตินา

การผลิต บริโภค และนำเข้า

นับตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงสิ้นปี 2563 อาร์เจนตินามีการส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ภายในประเทศเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 ทำให้อาร์เจนตินาจัดหาผลิตภัณฑ์และการพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยที่ 9 ใน 10 ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์อาร์เจนตินาผลิตขึ้นเพื่อใช้ภายในประเทศแต่ในปัจจุบันมีเพียงผลิตภัณฑ์เดียวที่อาร์เจนตินาไม่มีการผลิตคือ ถุงมือยาง เนื่องจากข้อจำกัดของขนาดทำให้อาร์เจนตินาต้องพึ่งพาการนำเข้าถุงมือยางต่อไป ถึงแม้อาร์เจนตินาจะสามารถผลิตถุงมือยางเองได้ในโรงงานถุงยางอนามัย แต่หลังจากประเมินต้นทุนในการผลิตแล้วพบว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นการนำเข้าจากต่างประเทศนับเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ในบริบทที่ผู้ผลิตเวชภัณฑ์รายใหญ่ของโลกไม่ส่งออกผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์เพราะจำเป็นต้องตอบสนองความต้องการในตลาดของตนเอง ปัจจัยดังกล่าวทำให้ประเทศที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื่องจากนำเข้าผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์จากต่างประเทศ โดยในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID -19 องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้ระบุผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส COVID -19  จำนวน 50 รายการ อาทิ ยา อุปกรณ์เสริมเครื่องจี้ไฟฟ้า (Electrodes) ปั๊มออกซิเจน เครื่องตรวจจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ท่อช่วยหายใจ ชุดตรวจโควิด และเครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น จากคำแนะนำดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขและการพัฒนาผลิตภาพอาร์เจนตินาได้ออกมติร่วมกันโดยกำหนดอุปกรณ์ที่จำเป็นในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส COVID -19 ในภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 67 รายการ ซึ่งมากกว่าที่ องค์กรอนามัยโลก (WHO) แนะนำ จำนวน 17 รายการ โดย 1 ใน 67 รายการ มีเพียงผลิตภัณฑ์ชิ้นเดียวที่อาร์เจนตินานำเข้า คือ ถุงมือยางทางการแพทย์ และรายการผลิตภัณฑ์ที่อาร์เจนตินาผลิตขึ้นเองในประเทศเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส COVID -19  ได้แก่  เครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ (Infusion pump) และชุดอุปกรณ์  เตียงสำหรับห้อง  ICU และเตียงอื่นๆ ที่ไม่ใช่สำหรับห้อง ICU เครื่องสแกนอัลตราซาวนด์แบบพกพา สายรัดคาง ชุดผ่าตัด แอลกอฮอล์ แว่นตาป้องกัน น้ำยาฆ่าเชื้อล้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Chlorhexidine) เครื่องช่วยหายใจ (Resuscitator) หน้ากากสําหรับพ่นยา(Nebulizer Mask) และชุดพ่นยา (NEBULIZER SET) เป็นต้น ทั้งนี้ ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 สองในสามของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการผลิตขึ้นเองในประเทศอยู่แล้ว และนับตั้งแต่มีนาคม 2563 ได้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เหลือ อนึ่งสำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ที่สำคัญ อาทิ แอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์สำหรับห้องปฏิบัติการและร้านขายยา ถุงมือ ยาฆ่าเชื้อ อุปกรณ์และสุขภัณฑ์อื่นๆ เป็นต้น ในส่วนของภาษีนำเข้าและการชำระภาษีทางสถิติ (Statistical Tax) ของผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นดังกล่าวถูกยกเลิก นอกจากนี้ รัฐบาลให้สินเชื่อและวงเงินสินเชื่ออีก จะให้เห็นได้ว่าจากผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ทุกรายการที่อาร์เจนตินาใช้เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19  มีเพียงรายการเดียวที่นำเข้าในปริมาณมากและไม่มีการผลิตในท้องถิ่น คือ ถุงมือยาง

สถิติการนำเข้าถุงมือยางที่อาร์เจนตินาจากไทยและทั่วโลก (HS CODE 4015.11)

ปีUSD FOB from WorldUSD FOB from Thailandอัตราการเติบโต (%)
25627,074,22546,4500.66
256310,649,050168,6741.58
25646,583,66291,3321.39
ปี (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)ม.ค. ธ.ค. 2562ม.ค. ธ.ค. 2563อัตราการเติบโต (%)
มูลค่าการนำเข้าจากทั่วโลก  7,074,22510,649,050+50.53
มูลค่าการนำเข้าจากประเทศไทย46,450168,674+263.13

การนำเข้าถุงมือยางของอาร์เจนตินาแยกรายประเทศ ปี 2563 (HS CODE 4015.11)

ประเทศมูลค่าการนำเข้า FOBอัตราการนำเข้า (%)
มาเลเซีย5,649,92853.06
จีน3,423,68932.15
ออสเตรีย1,247,53111.71
ไทย168,6741.58
อินเดีย159,2271.50
รวม10,649,050100.00

การนำเข้าถุงมือยางของอาร์เจนตินาแยกรายประเทศ ปี 2564 (HS CODE 4015.11)

ประเทศมูลค่าการนำเข้า FOBอัตราการนำเข้า (%)
จีน3,036,48646.12
มาเลเซีย2,600,33739.50
ออสเตรีย771,69711.72
ไทย91,3321.39
อินเดีย83,8101.27
รวม6,583,662100.00

ประเทศไทยจัดอยู่ในตำแหน่งที่ดีในฐานะผู้ส่งออกถุงมือยางธรรมชาติไปยังอาร์เจนตินา เมื่อพิจารณาจากประเทศคู่แข่งที่สำคัญ เช่น จีน มาเลเซีย และออสเตรียที่มีความแข็งแกร่งในตลาดท้องถิ่นอาร์เจนตินา ซึ่งไทยควรส่งออกถุงมือยางยังตลาดอาร์เจนตินาในปริมาณที่มากขึ้น โดยในปี 2563 ปริมาณการนำเข้าถุงมือยางจากไทยเพิ่มขึ้นเกือบ ร้อยละ 265 ซึ่งแสดงถึงการเติบโตอย่างมาก และแม้ว่าปี 2564 ปริมาณการนำเข้าถุงมือของไทยในอาร์เจนตินาจะลดลง ร้อยละ 35 แต่ประเทศไทยสามารถอยู่ในอันดับที่ 4 ในกลุ่มผู้ส่งออกหลักของอาร์เจนตินา อนึ่ง มีศักยภาพมากมายในตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในอาร์เจนตินา ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการนำเข้าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 ถึงแม้ว่าจีนและมาเลเซียจะเป็นผู้ส่งออกหลักไปยังอาร์เจนตินา แต่ไทยมีศักยภาพมากมายที่จะได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น

ระเบียบการนำเข้า

ตั้งแต่ต้นปี 2563 รัฐบาลชุด Alberto Fernández ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าต่างระหว่างประเทศ ผ่านมติ 1/2020 ออกเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองการนำเข้าสินค้าในประเทศและขยายรายการสินค้าที่จะต้องขอรับใบอนุญาตก่อนนำเข้า เพิ่มขึ้นจาก 1,200 รายการ เป็น 1,500 รายการ จากทั้งหมด 10,200 รายการ ตามรายชื่อสินค้าของการค้าระหว่างประเทศ อาทิ ผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องใช้ในครัวเรือนและอิเล็กทรอนิกส์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ส่วนประกอบและชิ้นส่วนยานยนต์ สิ่งทอ ของเล่นเด็ก รองเท้าและสินค้าอ่อนไหวอื่นๆ เป็นต้น ทั้งนี้ ใบอนุญาตนำเข้าแบบไม่อัตโนมัติ (LNA) ลดระยะเวลาของการนำเข้าจาก 180 เป็น 90 วัน ในขณะที่บางขั้นตอนยังคงใช้เป็นการนำเข้ารูปแบบเดิม ซึ่งใบอนุญาตดังกล่าวกำหนดไว้เพื่อกีดกันการนำเข้าที่มุ่งเน้นไปยังสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ไม่ได้มีไว้สำหรับสินค้าและวัสดุสิ้นเปลืองที่จำเป็นสำหรับการผลิตในท้องถิ่น ใบอนุญาตเหล่านี้จะช่วยเสริมกำลังการควบคุมการนำเข้าสินค้าภายในประเทศ แต่ไม่ได้ห้ามหรือจำกัดการนำเข้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สินค้าถุงมือยางภายใต้พิกัดศุลกากร 4015.11 ไม่ต้องขอใบอนุญาตก่อนนำเข้า (Automatic Licensing) และมีภาษีนำเข้าอยู่ที่ร้อยละ 0

อีกประการนึงที่สำคัญคือ ต้นทุนค่าระวางเรือที่เพิ่มสูงขึ้นแบบทวีคูณ อันมีสาเหตุเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 บริษัทหลายแห่งต้องแบกรับต้นทุนเรื่องการขนส่งเพิ่มขึ้น จากเดิมราคาค่าขนส่งจากไทยต่อตู้คอนเทนเนอร์อยู่ที่ประมาณ 1,500 ต่อตู้คอนเทนเนอร์ ปัจจุบันราคาขนส่งสินค้าอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 12,000 ต่อตู้คอนเทนเนอร์ นอกเหนือจากนี้ บริษัทฯ ยังต้องจ่ายค่าตรวจสอบภาษีการนำเข้า เนื่องจากไทยไม่ได้จัดอยู่ในประเทศที่มีข้อตกลงกับสาธารณรัฐอาร์เจนตินาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีกับกรมศุลกากรอาร์เจนตินา  ดังนั้นเมื่อมีการนำเข้าสินค้าจากไทยจำเป็นต้องจัดทำรายงานการตรวจสอบภาษีการนำเข้า สำหรับบริษัทขนาดใหญ่อาจไม่ส่งผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายดังกล่าว แต่สำหรับบริษัทที่มีความประสงค์จะนำเข้าสินค้าจากไทยเป็นครั้งแรกนับเป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งที่ผู้นำเข้าอาร์เจนตินาใช้พิจารณาการนำเข้าสินค้าจากไทย

บริษัทอาร์เจนตินาที่นำเข้าถุงมือยาง (HS 4015.11)

บริษัทร้อยละของ การนำเข้าเบอร์ติดต่ออีเมล/เว็บไซต์
COMPANIA DE HIGIENE SRL15.17+54 3327 526 380info@companiadehigiene.com.ar
EURO SWISS SA12.01+54 11 5628 1800info@euroswiss.com.ar
PROPATO HNOS SAIC11.35+54 11 5556 8800contacto@propato.com.ar
ALBERTO MAZZONI SA10.06+54 379 445 8060info@albertomazzonisa.com.ar
SUIZO ARGENTINA SA9.03+54 11 5777 5900contacto@suizoargentina.com
NIPRO MEDICAL CORPORATION7.64+54 11 4500 1500niproarg@nipromed.com
PLUS PAPIER SRL4.99+54 11 4555 3933info@pluspapier.com.ar
ALFATRADE SA4.98+54 11 4755 1517contacto@alfatrade.com.ar
DROGUERIA COMARSA SA3.77+54 341 437 3361contacto@drogueriacomarsa.com.ar
QUEEN INSUMOS HOSPITALARIOS SRL2.56+54 11 4713 4651administracion@queeninsumos.com.ar
SEISEME SA2.50+54 11 4699 2504ventas@seiseme.com.ar
C D G SA2.26+54 2983 656 125administracion@cdgimport.com
DROGUERIA MANTORANI SA1.93+54 11 4554 8100compras@martorani.com.ar
TOTAL88.25
COMPANIA DE HIGIENE SRL15.17+54 3327 526 380info@companiadehigiene.com.ar

โอกาสสินค้าจากประเทศไทย – ความคิดเห็นของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบัวโนสไอเรส

ถึงแม้อาร์เจนตินาจะผลิตผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ภายในประเทศเพื่อใช้ในทางการแพทย์และเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 ที่เริ่มการแพร่ระบาดตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันโดยส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างรุนแรง และแม้จะมีสินเชื่อและการสนับสนุนทางการเงินสำหรับผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ แต่มีเพียงผลิตภัณฑ์เดียวที่อาร์เจนตินาไม่มีการผลิตคือ ถุงมือยาง เนื่องจากข้อจำกัดของขนาดทำให้อาร์เจนตินาต้องพึ่งพาการนำเข้าถุงมือยางต่อไป จากบริบทดังกล่าวจัดเป็นข่าวดีสำหรับผู้ผลิตและผู้ส่งออกถุงมือยางของไทย แม้ว่าการนำเข้าถุงมือยางของอาร์เจนตินาส่วนใหญ่มาจากจีนและมาเลเซีย แต่ไทยมีโอกาสที่จะได้รับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น ถุงมือของไทยอาจจะแข็งแกร่งขึ้นในตลาดท้องถิ่น ในอนาคต โดยบริษัทไทยจะต้องตระหนักถึงโอกาสที่ดีที่สามารถพบได้ในอาร์เจนตินาในขณะนี้ และให้ความสนใจกับตลาดที่คาดว่าจะเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะสั้นนี้ แม้ว่าสถานการณ์ของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัส COVID -19 ในอาร์เจนตินามีความเสถียร การทดสอบและการป้องกันเพิ่มเติมในรูปแบบอื่นๆ ยังคงมีความจำเป็นต้องใช้ถุงมือยางธรรมชาติ

ถุงมือยางของไทยมีโอกาสและศักยภาพสูงที่จะเข้าสู่ตลาดอาร์เจนตินาในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมของปี 2564 มีการจัดกิจกรรมเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Business Matching)  สินค้าถุงมือยาง โดยมีผู้นำเข้าชาวอาร์เจนตินาแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมการจับคู่ออนไลน์กับผู้ส่งออกชาวไทยจำนวนมาก และผลการเจรจาการค้า พบว่า ผู้นำเข้าสนใจนำเข้าสินค้า ได้แก่ ถุงมือยางแบบมีแป้งและไม่ใช่แบบมีแป้ง ถุงมือไนไตรขนาดต่างๆ เช่น ขนาดใหญ่  60 ซม. ขนาดกลาง 30 ซม. และขนาดเล็ก 10 ซม. เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Business Matching)  เป็นช่องทางที่บริษัทไทยสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนได้โดยตรงและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้นำเข้าชาวอาร์เจนตินาได้ดีขึ้น

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

OMD KM

FREE
VIEW