รายงานสถานการณ์การค้าสหรัฐอเมริกา ณ เมืองไมอามี เดือนสิงหาคม 2565

ชาวอเมริกันใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวและสันทนาการเพิ่มขึ้

แม้ว่าปัจจัยด้านอัตราเงินเฟ้อในตลาดจะส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกันทำให้มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น แต่พบว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันยังคงมีพฤติกรรมต้องการใช้จ่ายเงินสำหรับการท่องเที่ยวและความบันเทิงมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนปีนี้ภายหลังจากที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของรัฐทำให้ไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวและใช้ชีวิตได้ตามปกติในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในสหรัฐฯ ได้แก่ อุตสาหกรรมโรงแรม อุตสาหกรรมเรือสำราญอุตสาหกรรมสวนสนุก และอุตสาหกรรมคาสิโน ต่างรายงานแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2565 โดยพบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นและมียอดใช้จ่ายต่อคนเพิ่มขึ้นด้วยทำให้ผลประกอบการของกิจการในอุตสาหกรรมช่วงที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Ms. Leeny Oberg ตำแหน่ง Finance Chief บริษัท Marriott International Inc. ผู้ประกอบการโรงแรมรายใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่า แนวโน้มสถานการณ์ด้านการแพร่ะระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในสหรัฐฯ ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาวอเมริกันสามารถดำเนินชีวิตได้เกือบจะเป็นปกติ เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ชาวอเมริกันมีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากในช่วงฤดูร้อนปีนี้ โดยแนวโน้มดังกล่าวยังน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีนี้ด้วย

ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer-Sentiment Index) ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น 3.6 จุดเป็น 55.1 จุด เทียบกับระดับ 51.5 จุดในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากเดือนมิถุนายนที่ระดับ 50 จุดซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 70 ปีนับตั้งแต่ปี 2495 

นอกจากนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมากระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) ยังได้รายงานยอดใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน ราคาบัตรโดยสารเครื่องบิน และราคาโรงแรมในตลาดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาด้วย โดยพบว่า มีจำนวนชาวอเมริกันเดินทางท่องเที่ยวในช่วงดังกล่าวทั้งสิ้นประมาณ 6.2 ล้านคนหรือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ปัจจัยด้านการลดความเข้มงวดของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดทั้งในสหรัฐฯ และในต่างประเทศเป็นสาเหตุหลักสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคในตลาดตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนปีนี้ อีกทั้งผู้บริโภคยังมีพฤติกรรมกล้าที่จะจ่ายเงินสำหรับการท่องเที่ยวและค่าโรงแรมที่พักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อในตลาดด้วย

Mr. Keith Barr ตำแหน่ง Chief Executive บริษัท InterContinental Hotels Group Plc. กล่าวว่า แนวโน้มค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของชาวอเมริกันในตลาดมากนัก ผู้บริโภคยังคงต้องการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันหยุดฤดูร้อนปีนี้เพิ่มขึ้น โดยผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อบางส่วนอาจจะมีพฤติกรรมลดการใช้จ่ายในการเลือกซื้อสินค้าบางชนิดแล้วนำไปใช้สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวแทน ในขณะที่ตัวแทนกลุ่มโรงแรม Hilton และกลุ่มโรงแรม Hyatt คาดว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรมน่าจะทำให้อุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างน้อย 1 – 2 ปี

ในส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมสวนสนุก บริษัท Walt Disney Co. รายงานผลประกอบการส่วนกิจการสวนสนุกในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ปรับตัวดีขึ้นมากทั้งในส่วนเครื่องเล่น กิจกรรม และการจำหน่ายของชำร่วย อีกทั้ง บริษัท SeaWorld Entertainment Inc. ยังได้รายงานยอดการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่อคนปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการเก็บข้อมูล นอกจากนี้ บริษัท Norwegian Cruise Line Holding Ltd. ผู้ประกอบการให้บริการเดินเรือสำราญ ยังได้รายงานผลประกอบการจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวผ่านเรือสำราญเพิ่มขึ้นมากที่สุดด้วย

ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมให้บริการโรงแรมและกาสิโนในตลาดก็รับความสนใจใช้บริการจากนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยบริษัท Wynn Resorts Ltd. รายงานยอดการใช้บริการกาสิในของกิจการโรงแรมและรีสอร์ตในเครือในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 ก่อนหน้าที่จะเกิดการแพร่ระบาด ในขณะที่บริษัท Caesars Entertainment Inc. รายงานยอดการเข้าพักโรงแรมในช่วงไตรมาสที่ 2 ทั้งสิ้นร้อยละ 97 ของจำนวนห้องพักทั้งหมด อีกทั้ง ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 3 แสดงให้เห็นถึงกำลังความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของชาวอเมริกันที่ขยายตัวภายหลังจากภาวะการแพร่ระบาด

บทวิเคราะห์

ชาวอเมริกันมีลักษณะพฤติกรรมนิยมเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวในช่วงวันหยุดฤดูร้อนมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมาส่งผลทำให้ชาวอเมริกันไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ ดังนั้น เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มดีขึ้นชาวอเมริกันที่ต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวมาเป็นเวลานานจึงต้องการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นแม้ว่าปัจจัยด้านภาวะเงินเฟ้อในตลาดจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในตลาดก็ตาม โดยรวมคาดว่าแนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในสหรัฐฯ ดังกล่าวจะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนกระทั่งช่วงเทศกาลปลายปีในปีนี้

รัฐฟลอริดาเป็นพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ที่มีจุดเด่นด้านสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่นตลอดทั้งปีทำให้กลุ่มผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลายรายเลือกเป็นที่ตั้งสำคัญของกิจการโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสวนสนุก ได้แก่ สวนสนุก Disney World สวนสนุก Universal Studios สวนสนุก SeaWorld และสวนสนุก Legoland เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐฟลอริดายังเป็นจุดลงเรือสำราญที่สำคัญที่จะเดินทางไปยังเขตแคริบเบียน อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ด้วย ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเยือนรัฐฟลอริดาเพื่อเดินทางล่องเรือสำราญกว่า 8.3 ล้านคนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเรือสำราญในสหรัฐฯ ทั้งหมด

การขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวดังกล่าวน่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นภาวะการค้าและการลงทุนในภูมิภาคสหรัฐฯ ตอนใต้และภูมิภาคแคริบเบียนให้ขยายตัวสูงขึ้นและน่าจะก่อให้เกิดความต้องการบริโภคสินค้าและบริการเกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าของที่ระลึกและของชำร่วย สินค้าสำหรับใช้ในโรงแรม เป็นต้น ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกไปยังภูมิภาคดังกล่าว โดยสินค้าศักยภาพของไทย ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ อาหาทะเล ซอสปรุงรส แก้วเซรามิค พวงกุญแจ เครื่องประดับ สบู่และแชมพูสำหรับใช้ในโรงแรม (Toiletry) ผ้าขนหนู ฟูกที่นอน หมอน ชุดคลุมอาบน้ำ และของตกแต่งภายบ้าน เป็นต้น

ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ

สหรัฐฯ เป็นประเทศคู่ค้าหลักที่สำคัญของไทยเป็นอันดับต้นๆ มาโดยตลอด ในช่วงที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสส่งผลกระทบต่อระบบการขนส่งและห่วงโซ่อุปทานทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าโดยรวมปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับแนวโน้มความต้องการสินค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงจากภาวะการแพร่ระบาดทำให้การส่งออกสินค้าไทยบางรายการได้รับผลกระทบ ดังนั้น แนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสหรัฐฯ ในปัจจุบันจึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ส่งออกไทยที่สนใจส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ไปอย่างน้อยจนถึงช่วงเทศกาลปลายปีนี้

นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ต่อสินค้านำเข้าจากจีนซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในตลาด และการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดของจีนที่ส่งผลกระทบต่อประมาณสินค้าส่งออกน่าจะทำให้ผู้ประกอบการในสหรัฐฯ หันไปนำเข้าสินค้าทดแทนจากประเทศผู้ผลิตรายอื่นรวมถึงประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยยังควรให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพและควบคุมต้นทุนการผลิตสินค้าให้อยู่ในระดับเหมาะสมเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาด อีกทั้ง การสร้างจุดแข็งให้กับสินค้ารวมถึงการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดที่นอกจากจะให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านคุณภาพและราคาแล้วยังพิจารณาไปถึงปัจจัยด้านอรรถประโยชน์ ปัจจัยความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนก็น่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในตลาดสหรัฐฯ มากขึ้น

อีกทั้ง การสร้างโอกาสในการเจรจาการค้ากับผู้นำเข้าในอุตสาหกรรมโดยตรงผ่านการเข้าร่วมงานหรือเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าที่สำคัญในภูมิภาคที่หลายรายได้เริ่มกลับมาจัดกิจกรรมอีกครั้งภายหลังจากที่ต้องระงับการจัดไปในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดก็น่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถมองเห็นโอกาสในการขยายตลาดส่งออแบบเชิงรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยงานแสดงสินค้าสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาค ได้แก่ งานแสดงสินค้า Americas Food and Beverage Show (สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม) ณ เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ระหว่างวันที่ 11 – 12 กันยายน 2565 งานแสดงสินค้า Independent Hotel Show (สินค้าอุตสาหกรรมโรงแรม) เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ระหว่างวันที่ 2 – 3 พฤษจิกายน 2565 และงานแสดงสินค้า IAAPA Expo (สินค้าอุตสาหกรรมเครื่องเล่นสวนสนุก) เมือง Orlando รัฐฟลอริดา เป็นต้น

*********************************************************

ที่มา: หนังสือพิมพ์ the Wall Street Journal

เรื่อง: “Consumer are still spending on fun”

โดย: Will Feuer และ Kathryn Hardison

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

OMD KM

FREE
VIEW