รายงานสถานการณ์การค้าสหราชอาณาจักร กรุงลอนดอน เดือน กรกฏาคม 2564

1. ภาพรวมสถานการณ์สินค้าผลิตภัณฑ์ยางในสหราชอาณาจักร

          ในปี 2020 สหราชอาณาจักรมีการนำเข้าสินค้าผลิตภัณฑ์ยางจากทั่วโลกมูลค่า 56,385.17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาง 5 ลำดับแรก ได้แก่ (1) ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่ ร้อยละ 41.02 (2) เครื่องแต่งกายรวมถึงถุงมือทุกชนิด ร้อยละ 20.80 (3) ของอื่นๆ ที่ทำจากยางวัลแคไนซ์ ร้อยละ 13.03 (4) ของใช้เพื่อการอนามัยหรือใช้ในทางเภสัชกรรม ร้อยละ 8.75 และ (5) หลอด และท่อที่ทำจากยางวัลแคไนซ์ ร้อยละ 5.03 โดยเป็นการนำเข้า 5 ลำดับแรก ได้แก่ (1) จีน ส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 26.22 (2) เยอรมันนี ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 12.11 (3) มาเลเซีย ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 9.15 (4) ไทย ส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 4.52 และ (5) สหรัฐฯ ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4.12

การนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางของสหราชอาณาจักร

ทั้งนี้ ในปี 2020 การนำเข้าสินค้าผลิตภัณฑ์ยางของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นจากปี 2019 ร้อยละ 6.75 ซึ่งถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 จนส่งผลให้การนำเข้าสินค้าผลิตภัณฑ์ยางประเภทล้อรถ และผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นๆ ลดลงในภาพรวม แต่การนำเข้าสินค้าประเภทถุงมือยางและยางที่ใช้ในทางเภสัชกรรมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2020 ส่งผลให้สหราชอาณาจักรมีการนำเข้าสินค้าผลิตภัณฑ์ยางในภาพรวมเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ สินค้าผลิตภัณฑ์ยางในตลาดสหราชอาณาจักรหลักมี 2 ชนิด ได้แก่

  1. ยางล้อรถยนต์ (Tyre)

มูลค่าและแนวโน้มตลาด

บริษัทยางล้อรถยนต์รายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ได้แก่  Cooper Tire & Rubber, Michelin และ Pirelli โดยทั้ง 3 บริษัท มีส่วนแบ่งตลาดรวม 71.1% โดยในปี 2020-2021 มียอดนำเข้าโดยรวมอยู่ที่ 1,901 ล้านปอนด์ ในขณะที่ความต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์ล้อยางรถยนต์ภายในประเทศอยู่ที่ 2,662 ล้านปอนด์ ทั้งนี้ ภาพรวมของอุตสาหกรรมผลิตล้อยางรถยนต์ในสหราชอาณาจักรมีการถดถอยอย่างต่อเนื่องมากว่า 5 ปี โดยมีรายได้ลดลงประมาณ 7% เนื่องจากต้องแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ยางล้อรถยนต์ราคาถูกจากประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศจีน และเกาหลี ในขณะที่ IBISWorld คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2021-2022 ความต้องการของตลาดภายในประเทศจะเพิ่มขึ้น 4.19% และ 4.26% ตามลำดับ

ผลกระทบจาก COVID-19

IBISWorld คาดการณ์ว่าในปี 2020 – 2021 ตลาดยางล้อรถยนต์ของสหราชอาณาจักรได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID -19 เป็นอย่างมาก โดยอาจส่งผลให้มูลค่าอุตสาหกรรมยางล้อรถยนต์ลดลงประมาณ 9.5% โดยมีสาเหตุหลักมาจาก

  • ความต้องการซื้อรถยนต์ใหม่ลดลงส่งผลให้โรงงานผลิตรถยนต์ลดจำนวนการผลิตลงไปกว่า 39.7% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2020 และ
  •  การประกาศ lockdown ของรัฐบาลอังกฤษส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถเดินทางได้ โดยบริษัทประกันภัย By Miles (ผู้ให้บริการประกันภัยรถยนต์ตามจำนวนไมล์ที่ขับ) ออกมาเปิดเผยว่าจำนวนไมล์ที่บริษัทจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าในช่วง 23 มีนาคม – 27 พฤษภาคม 2020 ลดลงกว่า 58%

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์จะลดลงประมาณ 8.2% และ 8.9% ตามลำดับ เนื่องจากการเพิ่มมาตรการทางการค้าของประเทศต่างๆ รวมถึงปัญหาในเรื่องของการขนส่งและ supply chain ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID – 19

  • ถุงมือยาง (Rubber gloves)

มูลค่าและแนวโน้มตลาด

              ในปี 2019 ตลาดถุงมือยาง (Surgical gloves) ในสหราชอาณาจักรมีมูลค่า 345.16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 782.10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2027 โดยเป็นผลเนื่องจากระบบสาธารณสุขที่ครอบคลุมของสหราชอาณาจักร และมีแนวโน้มที่ประชากรในสหราชอาณาจักรที่เข้าสู่ระบบสาธารณสุขจะเพิ่มขึ้นในอนาคต  

              ตลาดถุงมือยางในสหราชอาณาจักรแบ่งประเภทถุงมือยางตามวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ดังนี้ (1) ถุงมือยาง latex gloves (2) nitrile gloves (3) vinyl gloves (4) neoprene gloves (5) polyisoprene gloves และ (6) biogel gloves โดย latex gloves มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุด ในขณะที่ biogel gloves มีแนวโน้มที่จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ถุงมือยาง latex gloves ได้รับความนิยมเนื่องจากมีความยืดหยุ่น ทนทาน และแนบผิวหนัง ซึ่งเหมาะสมสำหรับการใช้งานในการตรวจต่างๆ แต่ยังพบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนหนึ่งมีอาการแพ้ต่อ latex gloves 

              อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรมีความเข้มงวดในเรื่องของมาตรฐานสำหรับสินค้าถุงมือยาง โดยมีกฎหมายห้ามใช้ถุงมือยางพาราแบบแป้ง (Powdered natural rubber latex gloves) ในโรงพยาบาล เนื่องจากพบผู้ป่วยที่มีอาการแพ้แป้งจากถุงมือยางพารา รัฐบาลสหราชอาณาจักรจึงประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการที่ต้องใช้ถุงมือยาง เช่น บุคคลากรทางการแพทย์ ช่างทำผม ผู้ประกอบธุรกิจอาหาร เปลี่ยนมาใช้ถุงมือยางชนิดไม่มีแป้ง หรือ ถุงมือยางสังเคราะห์ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแพ้ยางพารา ในขณะที่การแบ่งประเภทถุงมือยางตามการใช้งาน

              ผลกระทบจาก COVID-19

              อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ความต้องการของถุงมือยางโดยเฉพาะถุงมือยางสำหรับการแพทย์ (surgical gloves) ทั่วโลกนั้นเพิ่มขึ้นสูงอย่างมาก โดยในช่วงเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2020 พบว่าสหราชอาณาจักรมีการนำเข้าถุงมือยางมากถึง 785 ล้านปอนด์ ซึ่งถุงมือยางที่ใช้ในทางการแพทย์ในหน่วยงานสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรในปี 2020 มีมากถึง 4,180 ล้านคู่ ซึ่งเป็นการใช้เพิ่มขึ้น 137 % ในระยะเวลา 11 เดือน        

2. สินค้าและตลาดในสหราชอาณาจักร

              (1) ตลาดล้อยางรถยนต์ อุตสาหกรรมล้อยางรถยนต์ในสหราชอาณาจักรได้รับผลกระทบส่วนหนึ่งจากอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ การขายส่งชิ้นส่วนรถยนต์เข้าสู่อุตสาหกรรมขั้นปลาย ซึ่งคาดว่ามีแนวโน้มลดลงในช่วงปี 2020 – 2021 จำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนในสหราชอาณาจักรที่ลดลงในปี 2020 – 2021 ส่งผลต่อล้อยางรถยนต์ที่เป็นอะไหล่ และอัตรตราแลกเปลี่ยนส่งผลโดยตรงต่อการแข่งขันราคาสินค้า

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ถุงมือยางในตลาด

3. การนำเข้าสินค้าผลิตภัณฑ์ยางจากไทย

          การนำเข้าสินค้าผลิตภัณฑ์ยางจากไทยมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID -19 เนื่องจากมีความต้องการอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) สูงขึ้น โดยเฉพาะถุงมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งสอดคล้องกับการนำเข้าของสหราชอาณาจักรที่มีการนำเข้าอุปกรณ์ PPE เพิ่มสูงขึ้นถึง 892 % และมีการนำเข้าถุงมือยางมากขึ้นถึง 233 % ในขณะที่การนำเข้ายางล้อรถยนต์ของสหราชอาณาจักรลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ลดลงส่งผลให้การนำเข้าล้อยางรถยนต์จากไทยลดลงเช่นกัน

          ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางจากไทย 5 ลำดับแรก ดังนี้ (1) ของใช้เพื่อการอนามัย ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 19.84 มูลค่าเพิ่มขึ้น 970.19% (2) ถุงมือยาง ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 6.03 มูลค่าเพิ่มขึ้น 265.06 %
(3) ยางนอก ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 2.36 มูลค่าลดลง -9.90 % (4) ของอื่นๆ จากยางวัลแคไนซ์ ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 1.72 มูลค่าลดลง -20.40 % และ (5) ยางธรรมชาติ ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 22.55 มูลค่าเพิ่มขึ้น 12.50%                       

การนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางของสหราชอาณาจักรจากไทย 

4.โอกาสและอุปสรรคในการขยายตลาด

            (1) ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้สหราชอาณาจักรมีความต้องการผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยางซึ่งใช้ในกิจการสาธารณสุข เช่น ถุงมือยาง ชุด PPE เพิ่มมากขึ้นเพื่อรับมือการระบาด ซึ่งถึงแม้จะไม่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระบบการให้บริการสาธารณสุขที่ดีขึ้นส่งผลให้ความต้องการในการใช้ถุงมือทางการแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่สามารถผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์จากยางสามารถเข้าตลาดสหราชอาณาจักรได้

            (2) รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าประเภทอุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์ส่วนบุคคล (PPE) ซึ่งรวมถึงถุงมือยาง ลงเหลือ 0% (จากเดิม 4%) โดยจะมีการทบทวนอัตราภาษีนำเข้าเป็นระยะ ในช่วงนี้จึงเป็นโอกาสของผู้ผลิตไทยที่จะเข้าแข่งขันในตลาดสหราชอาณาจักรได้

            (3) ในทางกลับกันการแพร่ระบาดของ COVID -19 และ Brexit ส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจยานยนต์ โดยโรงงานผลิตรถยนต์ลดจำนวนการผลิตลงไปกว่า 39.7% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2020 นอกจากนี้ มาตรการการ lockdown ทำให้ชาวอังกฤษไม่สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ได้ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้ความต้องการยางรถยนต์ในตลาดลดลงอย่างต่อเนื่อง

            (4) อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรได้ลดอัตราภาษีนำเข้ายางล้อรถยนต์ลงจากเดิม 4.5% เหลือ 4% ซึ่งเป็นผลจาก Brexit และสหราชอาณาจักรได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าแยกจากสหภาพยุโรป (UKGT) ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ส่งออกไทยสามมารถแข่งขันในตลาดสหราชอาณาจักรได้

          (5) ผลจากสถานการณ์ COVID -19 ในสหราชอาณาจักรจะส่งผลต่อรูปแบบการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางของสหราชอาณาจักร โดยรัฐบาลอังกฤษได้ยกเลิกมาตรการ Social Distancing (ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2020) ซึ่งประชาชนสามารถเริ่มเดินทางภายในประเทศได้ตามปกติ นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าจะมีความต้องการยางรถยนต์มากขึ้นจากปี 2020 และจากการคาดการณ์ของนักวิชาการถึงแม้ว่าสถานการณ์ COVID -19 ในสหราชอาณาจักรจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นแต่มนุษย์ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนกับในอดีตก่อนการแพร่ระบาดได้แต่มนุษย์จะต้องอยู่กับโรค COVID -19  โดยนักวิชาการเรียกสถานการณ์นี้ว่า “New normal” ดังนั้นจึงสามารถคาดการณ์ได้ว่าถุงมือยางและชุด PPE จะยังคงเป็นที่ต้องการต่อไปในยุค “New normal” นี้ ทั้งนี้ ในการส่งออกผลิตภัณฑ์เพื่อกิจการสาธารสุขควรคำนึงถึงมาตรฐานในการผลิตและประเภทของผลิตภัณฑ์ที่สหราชอาณาจักรต้องการด้วย

OMD KM

FREE
VIEW